วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Reading for main idea : Main idea

Leaning log 6
1/095/8
สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน
                การเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้นมีแหล่งที่จะให้เรียนรู้เกี่ยวกับภาอังกฤษมากมายสามารถฝึกได้ด้วยตนเองทุกทักษะ เช่น ทักษะการฟังสามมารถฝึกจากการฟังผ่านวิดีโอได้เช่นเดียวกันกับทักษะการฟัง ส่วนทักษะการอ่านสามารถฝึกการอ่านได้จากบทความภาษาอังกฤาพร้อมทั้งกบการฝึกทักษะการเขียนด้วยการตอบคำถามจากบทความภาษาอังกฤา ซึ่งก่อนที่เราสามารถอ่านบทความได้นั้น เราจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ Main idea  การอ่านแบบ Skiming และ scaning ก่อนเราจะฝึกทักษาะการอ่านได้อย่างมีเหตุผลนั้นเราต้องรู้จักวิธีการอ่านอย่างมีเหตุมีผลตามหลักการอ่านจับใจความสำคัญ


                การอ่านจับใจความสำคัญ Reading for main idea : Main idea คือ ใจความสำคัญหรือใจความหลักของเรื่อง ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่อง ซึ่งเป็นส่วนที่ครอบคลุมและควบคุมเรื่องนั่นๆ กล่าวคือ ในแต่ล่ะย่อหน้าต้องมี Main idea เพียงอย่างเดียว การวิเคราะห์ หา ใจความสำคัญ ต้องเกิดจาการค้นหา topic มาก่อน และนำเอาส่วน topic  มารวมกับข้อความที่คอยควบคุมสาระเกี่ยวกับ topic  นั่นกล่าวโดยสรุปได้คือ พินิจพิเคราะห์และหา topic  หรือเนื้อเรื่องที่อ่าน ว่าด้วยเรื่องอะไร ส่วนที่ควบคุมประเด็นสาระที่นำเสนออยู่นั่นคืออะไร พูดและกล่าวถึงอะไร ก็จะเป็น Main idea 0งจะเห็นได้ว่าใจความสำคัย ที่ถูกต้องจะต้องครอบคลุมสิ่งที่กล่าวคล้ายคลึงกันมาก topic sentence  หมายถึง ประโยคที่บรรจุหัวเรื่องและใจความสำคัญไว้ ส่วนใหญ่มักจะวางในประโยคแรกหรือสุดท้าย
                ประเภทของ Main idea โดยทั่วไปใจความสำคัญมีอยู่ทั้งหมด 2 ชนิด ได้แก่ 1. State main idea คือ หลักใหญ่ใจความสำคัยที่สุดของเรื่อง ซึ่งผู้เขียนบอกมาตรงๆ สามารถครอบคลุมเนื้อหาของเรื่องได้ทั้งหมด จะต้องตั้ง Main idea ไว้ในการเขียนและบรรยายหรืออธิบายโดยยึด Main idea เป็นหลัก ส่วนที่ขยายหรือขยายหรือบรรยายให้รายละเอียดต่อจาก Main idea  คือ Supporting idea โดยปกติในเนื้อความหนึ่งๆ เรามักจะพบ State main idea ได้ในตอนต้น ตอนกลาง หรือตอนท้ายของย่อหน้า 2. Implied main idea หมายถึง การกล่าวถึง main idea ในลักษณะที่ผู้เขียนไม่ได้เอ่ยมาตรงๆทันทีเพียงแต่แสดงให้เห็นเท่านั้น
                สำหรับสิ่งที่จำเป็นต่อการอ่านบทความนอกจากการอ่านจับใจความสำคัญแล้วยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่มีความสำคัญคือ เทคนิคการอ่านเร็วที่สำคัญและมีประโยชน์มี 2 แบบ คือ  การอ่านแบบ Skimming และ  การอ่านแบบ Scanning ทั้งสองเทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่จะช่วยให้สามารถอ่าน และจับประเด็นเรื่องที่อ่านได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจเรื่องที่อ่านได้ทันที่ ผู้เชียวชาญทางการอ่าน บางคนเรียกว่า ทักษะการค้นหา ( Searching skill ) ซึ่งเป็นทักษะที่ผู้เรียนควรได้ฝึกฝนให้เกิดความชำนาญและเชียวชาญ
                การอ่านแบบสเเกนนิ่ง ( scanning ) คือ การอ่านผ่านเป็นการอ่านอย่างเร็วๆ คร่าวๆ เพื่อจับประเด็นที่เราต้องการ เช่นชื่อคน เวลา ตัวเลข คำสำคัญบางคำ เป็นต้น ขณะที่อ่านแบบสเเกนนิ่งนี้จึงควรระ เมื่อพบข้อมูลนั้นจะได้หยุดเพื่ออ่านรายละเอียด ลึกตลอดว่า เราอยากจะหาข้อมูลหรือคำตอบอะไรจากเรื่องที่อ่าน หรือจดบันทึกข้อมูลที่ต้องการไว้ในการอ่านแบบสเเกนนินี้ ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรือรู้ว่าคำศัพท์ในเนื้อความนั้นหยุดทุกคำเพราจุดประสงค์หลัก
                การอ่านเเบบสกิมมิ่ง ( Skimming ) คือ การอ่านข้อความอย่างเร็วๆ เป็นจุดๆ เช่น อ่าน2-3 คำแรกหรือ 2 - 3 ประโยคแรกแล้วข้ามไป อาจจะข้ามเป็นแระโยคหรือบรรทัด หรืออ่านเฉพาะประโยคแรกเเละประโยคสุดท้ายของเเต่ละย่อหน้า หรืออ่านเฉพาะ คำหรือวลีสำคัญ การอ่านแบบนี้มีจุดม่งหมายหลัก 2 ประการ คือ อ่านเพื่อเก็บประเด็นหรือใจความสำคัญ และอ่านเพื่อเก็บรายละเอียดที่สำหรับสำคัญบางอย่าง การอ่านแบบสกิมมิ่งมีประโยชน์ที่จะช่วยประหยัดเวลาในการอ่าน เพราะช่วยให้ผู้อ่านอ่านเรื่องต่างๆได้เร้วขึ้น เเละเข้าใจในใจความสำคัญได้โดยไม่จำเป็นต้องอ่านรายละเอียดตลอดทั้งเรื่องผู้อ่านไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรือว่ารู้คำศัพท์ในเนื้อความนั้นหมดทุกคำเพราะจุดประสงค์หลัก คือการหาข้อมูลเฉพาะบางอย่างเท่านั้น หาคำบางคำ ตัวเลขบางตัว หรือควาทคิดบางอย่าง เมื่อได้คำตอบเหล่านี้เเล้วก็ถือว่าใช้เทคนิคจนได้ผลสำเร็จตามที่ต้องการเเล้ว
                สิ่งสำคัญสำหรับทักษะการอ่านนั่นคือ การลงมืออ่านจริงๆ ซึ่งดิฉันได้ลงมือฝึกฝนทักษะการอ่านตามเทคนิคข้างต้นที่กล่าวมาโดยอ่านบทความสั้นๆ เรื่อง English for hotel service ซึ่งเป็นบทความจากวารสารเเม็คเพื่อการเตรียมสอบ โดยมีขั้นตอนการอ่านเป็นลำดับขั้นตอนเพื่อทำความเข้าใจดังนี้ 1. อ่านทั้งหมด เพื่อหาใจความสำคัญ ซึ่งได้ความว่า เป็นการบริการของโรงเเรมที่มีผลต่อความพึงพอใจของเเขกเข้าพักโรงเเรม เเละก็ได้ความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์เเยะเเยะมากมาย
                ซึ่งทักษะการอ่านเพื่อทำความเข้าใจนั้นมีความจำเป็นต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับไวยากรณ ซึ่งความรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ข้างต้นที่เกี่ยวกับการอ่านบทความนั่นคือ suffix และ prefix เพราะทั้งสองจะช่วยให้เราสามมารถเดาเข้าใจได้ยกตัวอย่างประโยค เช่น the receptionist should apologize to them for any misunderstandings or mistakes that might have happened during their stay. ซึ่งเราสามมารถเดาความหมายของประโยคได้จาก prafix and suffix จะเป็นตัวช่วยให้เราสามารถจับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านได้อย่างเข้าใจมาก
                ทักษะการอ่านนั้นเป็นทักษะที่ยากต้องใช้ความพยายาใ สมาธิ เเละความตั้งใจ การฝึกฝน เเต่บางครั้งเราสามารถเลือกอ่าน บทความ นวนิยาย วารสาร หนังสือพิมพ์ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านดังนั้นไม่ว่าจะอ่านข้อมูลอะไร เราก็จำเป็นต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับใจความสำคัญ เเละการอ่านเบบสกิมมิ่ง เพื่ออ่านเข้าใจเเบบเก็บรายละเอียดที่ใช้สำหรับอ่านจับประเด็นเพื่อบางสิ่งบางอย่าง ส่วนการอ่านเเบบสเเกนนิ่งคือการอ่านผ่านๆ แบบอ่านคร่าวๆ เพื่อจับประเด็นสิ่งที่เราต้องการ เมื่อได้คำตอบเเล้วจะถือเทคนิคนี้จนได้ผลสำเร็จตามที่ต้องการเเล้ว


                

1 ความคิดเห็น:

  1. หนังออนไลน์ ข้อมูลของคุณดีเยี่ยมมากเหมือนได้อยู่ในห้องเรียนด้วยเรย

    ตอบลบ