วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ฝึกทักษะการฟังจากบทเพลงที่มีชื่อว่า The day you went away , My happy ending

Learning Log 9
(29/09/58)
สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน

                ในยุคที่ภาษาอังกฤษนั้นกำลังเฟื่องฟูมีการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในระบบที่หลากหลายแล้วนั้น ยังมีสื่ออื่นๆอีกมากมายที่มีภาษาอังกฤษรวมอยู่ด้วย และยังมีโปรแกรมอินเตอร์ที่ใช้ภาษาอังกฤษด้วยในการเรียนการสอน ทั้งนี้นอกจากการเรียนการสอนในห้องเรียนเราต้องศึกษาค้นคว้าภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเพื่อให้เราเองเก่งภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษานอกระบบที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษผ่านทางวิทยุ โทรทัศน์ และอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสทางด้านการศึกษาให้กับทุกตนหรือบุคคลทั่วไปได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยทั้งนี้เพื่อการเรียนภาษาอังกฤษที่ดีควรมีกลยุทธ์ในการเรียนภาษาทั้ง 10 องค์ประกอบ เพื่อก่อเกิดการเรียนรู้ภาษาอย่างแท้จริง เพราะการฝึกทักษะทางภาษาของผู้เรียนก็คือการฝึกทักษะพฤติกรรมการใช้ภาษาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งอีกจากข้อมูลความรู้ทางภาษาของผู้เรียนจนสามารถสื่อสารได้อย่างถูกต้องคล่องแคล่วนั่นเอง ดั้งนั้นดิฉันจึงจะต้องมีการฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เพื่อที่จะได้นำความรู้ความสามารถมาใช้ในการเรียนและการสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ


                วันที่ 29/09/58 นั้นเริ่มต้นฝึก ดิฉันจึงได้ฝึกทักษะการฟังจากบทเพลงที่มีชื่อว่า The day you went away ชื่อศิลปิน : M2M โดยบทเพลงนี้มีความหมายว่า วันที่คุณจากไป  จะมีความหมายของทำนองเพลงว่า อาลัย พร่ำเพ้อ คิดถึงคนรักที่จากไปมาก  ซึ่งบทเพลงนี้จะมีการใช้ไวยากรณ์ (Grammar) ซึ่งไวยากรณ์ที่ใช้ในบทเพลงนั้นส่วนมากที่เห็นได้ชัดนั้นคือเรื่อง Tense ส่วนคำศัพท์โดยภาพรวมของเพลงนี้เป็นคำศัพท์ที่เรารู้บ้างแล้ว ทำให้เราสามารถเข้าใจความหมายของเนื้อเพลงได้โดยไม่เปิดดูความหมายของคำศัพท์จากพจนานุกรมภาษาอังกฤษ ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นการกล่าวถึงความหมายของคำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นการหาความหมายของคำศัพท์ที่ดิฉันไม่รู้ความหมายเพื่อนำมาแปลความหมายในประโยค ก่อนที่เราจะเข้าใจความหมายได้นั้นเราต้องรู้จักความหมายของคำเหล่านี้ก่อน crazy (adj.) บ้า,คลั่ง  blind (adj.) ตาบอด, โง่, ไม่รู้เรื่อง  suffering (v.) ทน, ทนทุกข์  stupid (adj.) โง่, งี่เง่า  lonely (adj.) เหงา, หว้าเหว่  doorway (n.) ทางเข้าประตู้  case (n.) กระเป๋า  tears (n.) น้ำตา  special (adj.) พิเศษ  boat = about เกี่ยวกับ, เรื่องเกี่ยวกับ, ถึง  ซึ่งความหมายของคำศัพท์เหล่านี้จะต้องรู้จักหน้าที่ชนิดของคำด้วยเพื่อที่จะได้แปลความหมายได้ถูกตามบริบทและมีความไพเราะเมื่อผู้อ่านอ่านแล้วเกิดความประทับใจ
                จากเพลง The day went away ดิฉันชอบเนื้อเพลงท่อนดังต่อไปนี้เป็นอย่างมาก Well I wonder could it be When I was dreaming 'bout you baby You were dreaming of me Call me crazy, call me blind To still be suffering is stupid after all of this time Did I lose my love to someone better And does she love you like to do I do, you know I really really do. จากท่อนเพลงดังกล่าว ดิฉันสามารถแปลความหมายได้ดังต่อไปนี้ ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้ไหม เวลาที่ฉันฝันถึงคุณน่ะที่รัก คุณก็ฝันถึงฉัน เรียกฉันว่าโง่ เรียกฉันว่าคนโง่ ยังคงเจ็บใจอยู่ที่เป็นคนโง่มาจนถึงทุกวันนี้ ฉันสูญเสียคนรักให้กับบางคนที่ดีกว่า และหล่อนรักคุณเหมือนที่รักฉัน ฉันรัก ฉันรู้เพียงฉันรักคุณมาก
                Some = words and expression (คำศัพท์และสำนวน) ในส่วนนี้เป็นเรื่องศัพท์หรือสำนวนต่างๆ ในบทเพลงนี้ที่สามารถเขียนประโยคได้หลายรูปแบบแต่มีความหมายใกล้เคียงประโยคเดิม เมื่อมีความหมายดังนี้ ยกตัวอย่างประโยคได้ดังนี้ เช่น The day you went away จะมีประโยคที่มีความหมายว่า วันที่คุณจากไปนั่นคือ The day you left me ซึ่งหมายความได้ว่า วันที่คุณออกจากฉัน อีกประโยคสำนวนคือ Call me crazy, call me blind. จะมีประโยคที่มีความหมายคล้ายกัน 2 ประโยค ดังนี้ Tell me that I’m crazy, Tell me that I’m ignorant or Tell me that I don’t understand  ซึ่งทั้งสองประโยคนั้นมีความหมายดังนี้คือ  เรียกฉันว่าบ้า เรียกฉันว่าคนตาบอด เรียกฉันว่าฉันเป็นบ้า บอกฉันว่าฉันไม่รู้เรื่อง หรือ บอกฉันว่าฉันไม่เข้าใจ  อีกสำนวนที่กล่าวถึงคือ Why do we never know what we're got 'll it's gone. จะมีความหมายใกล้เคียงกับประโยค Why do we regreat when its too late. ซึ่งมีความหมายว่า  ทำไมเราไม่เคยรู้สิ่งเราทำ(มี) จนกระทั่งมันสายเกินไป ทำไมมันถึงสายเกินไปก่อนที่มันจะจบลง
                ต่อไปนี้จะเป็นการกล่าวถึงความรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ (Grammar) ซึ่งประโยคต่อนี้จะเป็นหลักการใช้ไวยากรณ์ที่เกี่ยวกับ Tense ซึ่งประโยคมีดังต่อไปนี้ The day you went away มีความหมายว่า วันที่เธอจากไป ใช้ past simple ในประโยค When I was dreaming 'bout you มีความหมายว่า  เวลาที่ฉันฝันถึงคุณที่รัก ใช้ past continuous tense ในประโยค You were dreaming of me มีความหมายว่า  คุณก็ฝันถึงฉัน ใช้ past continuous tense ในประโยค Did I lose my love to someone better? มีความหมายว่า  ฉันสูญเสียคนรักให้กับคนอื่นน่าจะดีกว่าไหม ประโยคนี้จะใช้ present simple tense ในประโยคคำถาม  And does she love you like? มีความหมายว่า  ฉันจำวันที่และเวลา ใช้ present simple tense ในประโยค Been crying since the day มีความหมายว่า  ร้องให้ตั้งแต่วันนั้น ใช้ present perfect tense ในประโยค Something we'll never have again มีความหมายว่า  บางสิ่งบางอย่างที่เราจะไม่มีมันอีก ใช้ future simple tense
                ดังนั้นเราจึงสรุปประเด็นความรู้ที่ได้จากบทเพลง The day you went away ได้ประเด็นความรู้ดังนี้  การแปลความหมายของบทเพลง  ความหมายของคำศัพท์ต่างๆ  ความรู้เรื่องหลักการใช้ไวยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Tense และเรื่อง Some words and expression (คำศัพท์และสำนวน) รวมทั้งรวมไปถึงการฝึกทักษะการฟัง ซึ่งเมื่อเราฟังเพลง เราก็จะคุ้นชินกับภาษาอังกฤษที่มีสำเนียง น้ำเสียง การเน้นเสียง การเชื่อมคำในประโยค เพื่อที่จะทำให้เราฟังได้อย่างเข้าใจความหมายและคุ้นเคยกับเสียงของเจ้าของภาษา
                วันที่ 30/09/58 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยฝึกทักษะการฟังจากเพลง โดยบทเพลงที่มีชื่อว่า My happy ending ชื่อศิลปิน : Avril Lavigne จะความหมายของเพลงในทำนองเพลงได้ว่า ความสุขของช่วงสุดท้าย  ซึ่งบทเพลงนี้จะมีการใช้ไวยากรณ์ (Grammar) ซึ่งไวยากรณ์ที่ใช้ในบทเพลงนั้นส่วนมากที่เห็นได้ชัดนั่นคือเรื่อง Tense  ส่วนคำศัพท์โดยภาพรวมของเพลงนี้เป็นคำศัพท์ที่ดิฉันพอจะรู้บ้างแล้ว ทำให้เราสามารถเข้าใจความหมายของเนื้อเพลงได้โดยไม่เปิดดูความหมายของคำศัพท์จากพจนานุกรมภาษาอังกฤษ ซึ่งการกล่าวถึงคำศัพท์ที่เราไม่รู้จักความหมาย จะเชื่อมโยงไปสู่การแปลบทเพลงด้วย
                การหาความหมายของคำศัพท์ที่ดิฉันไม่รู้ไม่รู้ความหมายนั้นจำจำเป็นต่อการแปลบทเพลง ดังนั้นเราจึงต้องหาความหมายของคำศัพท์ ก่อนที่เราจะแปลความหมายของคำศัพท์ในบทเพลงพร้อมทั้งนำมาเรียบเรียงแปลความหมายของบทเพลงเพื่อให้เกิดความเข้าใจได้โดยมีคำศัพท์ดังต่อไปนี้ breakable (n.) หักได้, แตกได้, ขาดได้  thread (n.) ด้าย  pretending () แกล้งทำ, เสแสร้ง  dumb (v.) ใบ้, พูดไม่ได้, โง่, บัดซบ  difficult () ยาก, เอาใจยาก  hide (v.) ซ่อน, ปิดบัง  ซึ่งความหมายของคำศัพท์เหล่านี้จะต้องให้ความรู้กับเราในเรื่องของหน้าที่ชนิดของคำเพื่อให้เราสามารถเลือกคำศัพท์ได้อย่างเหมาะสมกับความหมาย พร้อมทั้งจะทำให้การแปลความหมายนั้นมีภาษาที่สวยงาม เมื่อผู้อ่านได้อ่านงานแปลบทเพลงก็จะมีความประทับใจ
                จากเพลง My happy Ending  นั้นดิฉันชอบเนื้อเพลงท่อนดังต่อไปนี้เป็นอย่างมาก โดยมีประโยคดังต่อไปนี้  You were all the things I thought I knew And I thought we could be It's nice to know that you were there Thanks for acting like you cared And making me feel like I was the only one It's nice to know we had it all Thanks for watching as I fall And letting me know we were done. จากท่อนเพลงดังกล่าว ดิฉันสามารถแปลความหมายได้ดังต่อไปนี้ ทุกสิ่งที่คุณปิดบังฉัน เรื่องไม่ดีทั้งหมดที่คุณทำ มันเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนแบบนั้น ขอบคุณมากที่คุณทำเป็นแคร์ (ห่วงใยฉัน) และทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเป็นของคุณคนเดียว มันเป็นสิ่งที่ดีที่รู้ว่าเรามีทุกอย่าง ขอบคุณมากที่เฝ้าดูเวลาที่ฉันเสียใจ และให้ฉันรู้ว่าเราจบกันแล้ว
                Somewords and expression (คำศัพท์และสำนวน) ในส่วนนี้จะเป็นเรื่องศัพท์หรือสำนวนต่างๆในบทเพลงนี้ที่สามารถเขียนประโยคได้หลายรูปแบบ แต่มีความหมายใกล้เคียงกับประโยคเดิมเมื่อความหมายดังนี้ ยกตัวอย่างประโยคได้ดังนี้ เช่น “Let's talk this over” จะมีความหมายว่า  กรุณามาคุยกันมากกว่านี้  จะมีความหมายคล้ายคลึงกับประโยคที่ว่า  let’s discuss and solve the problem  มีความหมายว่า เข้ามาคุยกันแล้วช่วยกันแก้ปัญหา  don’t leave me handing  มีความหมายใกล้เคียงกับประโยคนี้  don’t leave me my own (by myself). Or don’t let me be alone. มีความหมายว่าอย่าปล่อยให้ผมอยู่ตามลำพัง/อย่าปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว  In a city so dead = in a quiet city  มีความหมายใกล้เคียงกับประโยคที่ว่า a place (city) with emptiness  มีความหมายว่า  ที่ๆสงัดที่ไม่มีสิ่งกวนใจ/ที่ๆมีความว่างเปล่า
                ต่อไปนี้จะเป็นการกล่าวถึงความรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ (Grammar) ซึ่ประโยคต่อไปนี้จะเป็นหลักการใช้ไวยากรณ์ที่เกี่ยวกับ Tense ซึ่งประโยคมีดังต่อไปนี้ don’t leave me handing มีความหมายว่า  ได้โปรดอย่าแขวนฉันไว้  ใช้ present simple tense เป็นประโยค command/request  You've got your dumb friends. มีความหมายว่า  คุณคบเพื่อนที่โง่ๆของคุณ ใช้ present perfect tense และประโยคสุดท้าย  You were all the things. มีความหมายว่า ใช้ past simple tense
                ดังนั้นเราจึงสรุปประเด็นความรู้ที่ได้จากบทเพลง My happy ending ได้ประเด็นความรู้ดังนี้ การแปลความหมายองบทเพลง ความหมายของคำศัพท์ต่างๆ  ความรู้เรื่องหลักการใช้ไวยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Tense และเรื่อง Some words and expression (คำศัพท์และสำนวน) รวมทั้งรวมไปถึงการฝึกทักษะการฟัง ซึ่งเมื่อเราฟังเพลง เราก็จะคุ้นชินกับภาษาอังกฤษที่มีสำเนียง น้ำเสียง การเน้นเสียง เราก็จะคุ้นเคยกับเจ้าของภาษาและเพื่อที่จะทำให้เราฟังได้อย่างเข้าใจความหมาย
                วันที่ 1/10/558 ดิฉันเริ่มฝึกทักษะการฟังการฟังจากบทเพลง ที่มีชื่อว่า My heart will go on ชื่อศิลปิน : Celine Dion  ใจของฉันจะยังอยู่ จะมีความหมายของทำนองเพลงว่า ทุกอย่างในหัวใจยังคงอยู่กับเราตลอกไป ซึ่งบทเพลงนี้จะมีการใช้ไวยากรณ์ (Grammar) ซึ่งไวยากรณ์ที่ใช้ในบทเพลงนั้นส่วนมากที่เห็นได้ชัดนั้นคือเรื่อง Tense ส่วนคำศัพท์โดยภาพรวมของเพลงนี้เป็นคำศัพท์ที่ดิฉันพอจะรู้บ้างแล้วทำให้เราสามารถเข้าใจความหมายของเนื้อเพลงได้โดยไม่เปิดดูความหมายของคำศัพท์จากพจนานุกรมภาษาอังกฤษ ซึ่งการกล่าวถึงคำศัพท์ที่เราไม่รู้จักความหมายนั้นจะเชื่อมโยงไปสู่การแปลบทเพลงด้วย
                การหาความหมายของคำศัพท์ที่ดิฉันไม่รู้ความหมายนั้นจะจำเป็นต่อการแปลบทแพลง ดังนั้นเราจึงต้องหาความหมายของคำศัพท์ ก่อนที่จะแปลความหมายของคำศัพท์ในบทเพลงพร้อมทั้งนำมาเรียบเรียงการแปลความหมายของบทเพลงเพื่อให้เกิดความเข้าใจได้โดยมีคำศัพท์ดังต่อไปนี้  heart (n.) ใจ, ดวงใจ  dreams (n.) ความฝัน, ฝัน  across (prep) ข้าม, พ้น  distance (n.) ระยะทางไกล, ระยะทาง  spaces (n.) ช่องว่าง, อวกาศ  touch (v.) สัมผัส, ประสบ, พบ  safe (adj.) ปลอดภัย ซึ่งความหมายของคำศัพท์เหล่านี้จะให้ความรู้กับเราเรื่องหน้าที่ชนิดของคำเพื่อให้เราสามารถเลือกคำศัพท์ได้อย่างเหมาะสมกับความหมายพร้อมทั้งจะทำให้การแปลความหมายนั้นมีภาษาที่สวยงาม เมื่อผู้อ่านได้อ่านงานแปลบทเพลงก็จะมีความประทับใจ
                จากเพลง My heart will go on นั้นดิฉันชอบเนื้อเพลงท่อนดังต่อไปนี้เป็นอย่างมาก โดยมีประโยคดังต่อไปนี้ Near, far, wherever you are. I believe that the heart does go on. Once more you open the door. And you’re here in my heart. And my heart will go on and on. Love can touch us one time. And last for a lifetime. And never let go till were gone. จากท่อนเพลงดังกล่าว ดิฉันสามารถแปลความหมายได้ดังนี้  ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลที่ไหนก็ตามที่คุณอยู่ ฉันเชื่อว่าใจดวงนั้นยังอยู่ถ้าคุณเปิดประตูอีก และคุณก็อยู่ในใจดวงนั้นยังอยู่ ถ้าคุณเปิดเปิดประตูอีก และคุณเปิดประตูอีก แล้วใจฉันก็จะอยู่ต่อไป ความรักสัมผัสเราเพียงครั้งเดียว แล้วก็จะอยู่(กับเรา)ชั่วชีวิต และจะไม่ไปไหนจนกว่าจะเป็นหนึ่งเดียว
                Some word and expression (คำศัพท์และสำนวน) ในส่วนนี้จะเป็นเรื่องศัพท์หรือสำนวนต่างๆ ในบทเพลงนี้ที่สามารถเขียนประโยคได้หลายรูปแบบ แต่มีความหมายใกล้เคียงกับประโยคเดิมเมื่อความหมายดังนี้ ยกตัวอย่างประโยคดังนี้ My heart will go on มีความหมายเช่นเดียวกับ My thoughts and emotions will continue without changing มีความหมายว่า ใจของฉันจะยังอยู่ ความคิดและอารมณ์ความรู้สึกต่างๆของฉันจะยังดำเนินต่อไปโดยไม่เปลี่ยนแปลง  go on มีความหมายเช่นเดียวกับ continue without changing มีความหมายว่า ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ดำเนินไปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง And never let go till we’re one มีความหมายเช่นเดียวกับ Both of us will never leave  each other. มีความหมายว่า และจะไม่ไปไหนจนกว่าเราจะเป็นหนึ่งเดียว หรือเราสองคนจะไม่มีวันพรากจากกัน
                Some word and expression (คำศัพท์และสำนวน) ในส่วนนี้จะเป็นเรื่องศัพท์หรือสำนวนต่างๆ ในบทเพลงนี้ที่สำนวนประโยคสามารถเขียนได้หลายรูปแบบ แต่มีความหมายใกล้เคียงกับประโยคเดิมเมื่อความหมายดังนี้ ยกตัวอย่างประโยคดังนี้ One true time I hold to. มีสำนวนประโยคล้ายกับ Only one time I touched it. มีความหมายทั้งสองดังนี้ ครั้งเดียวจริงๆที่ฉันเก็บมันไว้, เพียงครั้งเดียวที่ฉันได้สัมผัส We’ll stay forever this way มีสำนวนประโยคคล้ายกับ We’ll always be like  this มีความหมายทั้ง 2 ประโยคดังนี้ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เราจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
                ต่อไปนี้จะเป็นการกล่าวถึงความรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ (Grammar) ซึ่งประโยคต่อไปนี้จะเป็นหลักการใช้ไวยากรณ์ที่เกี่ยวกับ Tense ซึ่งประโยคมีดังต่อไปนี้ I see you, T fell you มีความหมายว่า ฉันเจอคุณ ฉันรู้สึกกับคุณ ใช้ present simple ในประโยค You have come to show  มีความหมายว่า ฉันจะมีการแสดง ใช้ present perfect tense ในประโยค And my heart will go on. มีความหายว่า หัวใจจะยังคงอยู่ ใช้ Future simple tense ในประโยค Love was went I loved you. มีความหมายว่า ความรักเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ฉันรักคุณ ใช้ past simple tense ในประโยค We’ll lover this way มีความหมายว่า เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ใช้ Future simple tense ในประโยคบอกเล่า







1 ความคิดเห็น: