วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

The Passive

The Passive (1/02/2559)
(กรรมวาจก)

                                การแปลขั้นสูงนั้นจำเป็นที่จะต้องอาศัยความแม่นยำและถูกต้องตามหลักโครงสร้างไวยากรณ์ ซึ่งการแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษจะมีความยากมากกว่าการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เนื่องจากภาษาไทยนั้นจะมีการใช้คำและสำนวนที่มีความหลากหลายทางภาษามากกว่าภาษาอื่นๆ ซึ่งคำในภาษาไทยเมื่อนำมาแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาที่ไพเราะส่วนมากจะเป็นการแปลโดยใช้ The passive หรือที่เรียกกันว่า กรรมวาจก เพราะว่าเมื่อใช้แล้วจะทำให้ความหมายมีความความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถอธิบายเรื่อง The passive อย่างละเอียดตามโครงสร้างหลักไวยากรณ์
                รูปแบบประโยคของ The passive นั้นมักจะมาจาก Active ซึ่งจะมีความแตกต่างกันนั่นคือ ในรูปแบบ active จะให้ความสำคัญกับประธาน (Subject) ในฐานะผู้กระทำกิริยาในประโยค ขณะที่รูปแบบของ The passive นั้นประธานของประโยคเป็นฝ่ายถูกกระทำ โดยจะมีโครงสร้างประโยคในแบบ active และ passive ดังนี้ Active; Subject + Verb + Object ส่วนของ The passive; object ในประโยค active + verb to be + verb (by + subject ในประโยค active) ส่วนในรูปของ Passive ของประโยคจะมี verb to be จะผันตาม Tense ของ Active จะมีความหมายคล้ายกับภาษาไทยว่า ถูก หรือ ได้รับ
                ประโยคในรูปแบบ The passive นั้นจะใช้เมื่อมีกรณี ดังต่อไปนี้ ได้แก่ 1. เราไม่สามารถสื่อข้อความหรือความหมายออกมาในรูป active ได้อย่างชัดเจน 2. เราต้องการให้ความสำคัญกับประธาน Subject ของประโยคในฐานะผู้ถูกกระทำหรือรับผลจากการกระทำของกริยาที่มีอยู่ในประโยค 3. เราต้องการความหลากหลายในการใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมาจะเป็นวิธีการเปลี่ยนประโยค active เป็น passive  มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. ดูส่วนประกอบในประโยค active คือต้องมีประธาน + กริยาที่ต้องการกรรม + กรรมและส่วนขยาย 2. ดูว่าประโยค active อยู่ใน Tense ใด 3. ย้ายกรรมในประโยค active มาเป็นประธานใน passive 4.เปลี่ยนรูปกริยาในประโยค active เป็น passive  คือมี verb to be ตามด้วย v3 เราจะใช้ verb to be ตัวใดให้สังเกตที่ประธานในประโยค passive และ tense ของประโยค แล้วใส่คำว่า by ในประโยค passive 6. นำส่วนขยายหรือ modifier มาใส่ไว้ท้ายประโยคในกรณีที่ประโยคนั้นมีส่วนขยาย
                ต่อมาจะกล่าวถึง การเปลี่ยนประโยค active ที่มี tense ต่างๆกัน ให้เป็นประโยค passive จะมีรูปแบบดังโครงสร้างประโยคต่อไปนี้
                John                       is helped                                              by Mary
                John                      is being helped                                   by Mary
                John                       has been helped                                 by Mary
                John                       was helped                                           by Mary
                John                       was being helped                               by Mary
                John                       had been helped                                                 by Mary
                John                       will be helped                                     by Mary
                John                       is going to be helped                        by Mary
                John                       have been helped                               by Mary
ส่วนในกลุ่มของกริยาช่วยนั้นจาก active ไปเป็น passive จะมีดังต่อไปนี้ ในส่วนนี้คือ active กริยาช่วยจะ +V.1 (ไม่ผัน) แต่ในส่วนของ passive จะเป็นกริยาช่วย + be + V3 ทันที ส่วน adverb of frequency + กริยาช่วยตัวที่สอง + V3 ในประโยค Passive ให้วาง adverb of frequency  หลังกริยาช่วยตัวแรกเสมอ มาว่าจะเป็นกริยากี่ตัวก็ตาม และในส่วนของ adverb of manner ให้วางไว้หน้ากิริยาช่องที่ 3

                สุดท้ายนี้จึงสามารถสรุปได้ว่า ประโยคในรูปแบบ The passive นั้นจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีกรณี ดังต่อไปนี้ ได้แก่ 1. เราไม่สามารถสื่อข้อความหรือความหมายออกมาในรูป active ได้อย่างชัดเจน 2. เราต้องการให้ความสำคัญกับประธาน Subject ของประโยคในฐานะผู้ถูกกระทำหรือรับผลจากการกระทำของกริยาที่มีอยู่ในประโยค 3. เราต้องการความหลากหลายในการใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมาจะเป็นวิธีการเปลี่ยนประโยค active เป็น passive ซึ่ง The passive นั้นเมื่อเลือกใช้ในภาษาอังกฤษได้นั้น จะทำให้ภาษาที่เกิดขึ้นในงานแปลนั้นจะเป็นภาษาที่สละสลวย ไพเราะ และง่ายต่อการอ่านแล้วเข้าใจง่ายและจะทำให้ความหมายมีความความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น