หลักการแปลวรรณกรรม (8/02/2559)
งานแปลทางบันเทิงคดีนั้นมีหลายประเภทซึ่งแต่ละประเภทนั้นจะมีหลักการแปลที่แตกต่างกันซึ่งจะปรากฏในหัวข้อที่ว่า
หลักการแปลวรรณกรรม ซึ่ง คำว่า วรรณกรรม
หมายถึงหนังสือที่แต่งขึ้นด้วยความคิดสร้างสรรค์ไม่ว่าจะชีวิตร้อยแก้วหรือร้อยกรองไม่ว่าจะเป็นผลงานกวีโบราณหรือปัจจุบันซึ่งคงจะรวมถึงสิ่งที่เราเรียกว่าวรรณคดีด้วยตามปกติวรรณกรรมเป็นงานเขียนที่จัดไว้ในประเภท บันเทิงคดี
งานแปลทางบันเทิงคดีที่จะนำมากล่าวในที่นี้ได้แก่งานแปล นวนิยาย เรื่องสั่น
นิทาน นิยาย บทละคร การ์ตูน บทภาพยนตร์ บทเพลง
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นหวังว่าผู้อ่านจะได้รับความเพลิดเพลิน ความรู้
ความสนุกสนาน ดังนั้นการแปลวรรณกรรมที่สำคัญนั้นคือ
การรักษาความหมายให้คงเดิมพร้อมทั้งรักษารสความหมายเดิม
หลักการแปลนวนิยายจะมีหัวใจสำคัญคือการใช้ภาษาที่ไพเราะและถ้อยคำสำนวนสละสลวยไพเราะสอดคล้องกับต้นฉบับ
โดยจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ ได้แก่ การแปลชื่อเรื่องของวรรณกรรม
สำหรับการแปลชื่อเรื่องจะมีการแปลแบบไม่แปล แปลตรงตัว แปลบางส่วนดัดแปลงบางส่วน
ตั้งชื่อใหม่โดยการตีความหมายตามชื่อเรื่อง
ซึ่งการแปลชื่อเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะมีความสำคัญต่อการแปลอย่างมากเนื่องจากการแปลชื่อเรื่องนั้นจะต้องเข้าใจง่ายเพื่อบอกคุณลักษณะของงานหรือเนื้อความของเรื่องเพื่อให้ผู้อ่านสนใจและต้องการอ่านงานแปลชิ้นนั้น
รวมทั้งติดตามผลงาน และสื่อความว่าผู้เขียนต้องการสื่อความว่าเช่นไรบ้าง
ต่อมาจะกล่าวถึงการแปลบทสนทนาและการแปลบทบรรยายนั้นจะมีลักษณะที่คล้ายกันนั้นคือระดับของภาษาจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการแปลงานได้
ความยุ่งยากเกิดจากภาษาสองประเภทคือ ภาษาในสังคมและภาษาวรรณคดี
สำหรับภาษาในสังคมนั้นแต่ละพื้นเมืองของสังคมจะมีการใช้ภาษาแตกต่างกัน
ซึ่งหากภาษาในสังคมหนึ่งเป็นเรื่องที่น่าตลกขบขันแต่อีกสังคมหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่น่าอับอาย
ดังนั้นผู้แปลจะต้องคำนึงถึงหลักการแปลภาษาในสังคมนี้ด้วย สำหรับภาษาวรรณคดี
คือภาษาที่ใช้เขียนในวรรณกรรมจะเป็นภาษาที่มีความไพเราะ
มีสำนวนที่สละสลวยเป็นภาษาที่ถูกต้องทั้งในด้านของความหมายและด้านไวยากรณ์
สำหรับขั้นตอนในการแปลวรรณกรรม
มีข้อควรปฏิบัติดังต่อไปนี้ ข้อแรกคืออ่านเรื่องราวให้เข้าใจตลอด
สามารถจับใจความสำคัญของเรื่องที่จะแปลได้ ย่อความเนื้อเรื่อง จับประเด็นของเรื่อง
ทำแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครสำคัญในเรื่อง
และพฤติกรรมที่มีความหมายมีความโยงใยต่อกัน ข้อสองคือ วิเคราะห์ถ้อยคำสำนวน
ค้นหาความหมายของคำศัพท์ที่ไม่เคยรู้จักค้นหาความกระจ่างของข้อความที่ไม่เข้าใจ
ค้นหาความกระจ่างด้านวัฒนธรรม สำหรับข้อสุดท้ายของขั้นตอนในการแปลวรรณกรรมคือ
ลงมือแปลเป็นภาษาไทยด้วยถ้อยคำสำนวนที่เรียบง่าย อ่านเข้าใจง่ายและชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นภาษาไทยที่เป็นธรรมชาติ
หลักการแปลบทละครวิธีแปลบทละครดำเนินการแปลเช่นเดียวกับการแปลเรื่องสั้นนวนิยาย นิทาน
นิยาย
คือเริ่มด้วยการอ่านต้นฉบับเพื่อทำความเข้าใจให้ตลอดตั่งแต่ต้นจนจบก่อน
หาความหมายและคำแปลแล้วจึงเขียนบทแปลด้วยภาษาที่เหมาะสม โดยจะต้องอ่านหลายๆครั้งเพื่อความเข้าใจในเนื้อหาอย่างคร่าวๆว่า
มีตัวละครอะไรบ้าง ดังคำว่าจะต้องทราบว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อใด
อ่านต่อไปเพื่อค้นหาความหมายของคำและวลีที่ไม่รู้จักโดยใช้พจนานุกรมช่วยและหารความรู้จากแหล่งข้อมูลอื่นๆบ้างเพื่อความหลายหลายของภาษาในงานงานแปลบทละคร
ซึ่งการแปลบทละครนั้นจะต้องบอกทุกองค์ประกอบของละคร เช่น คำบรรยายฉาก สถานที่ เวลา
และการปรากฏตัวของตัวละครเพื่อความสมบูรณ์ของบทละคร
หลักการแปลบทภาพยนตร์นั้นจะมีขั้นตอนกระบวนการเช่นเดียวกับการแปลบทละคร
และการ์ตูน ซึ่งต้องอ่านและแปลโดยที่ข้อความ
ภาพและฉากพร้อมกันโดยมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันโดยมีสัมพันธภาพต่อกัน
ซึ่งบทแปลภาพยนตร์นั้นมีวัตถุประสงค์หลักสำคัญอยู่ 2 ประการ ได้แก่ ข้อแรกนั้นคือ นำบทแปลไปพากย์ หรืออัดเสียงในฟิล์ม
ผู้ฟังจะได้ยินเสียงเดิมของนักแสดงพูดภาษาไทย ข้อที่สองนั้นคือ นำบทแปลไปเขียนคำบรรยายในฟิล์มดั้งเดิม
ผู้ฟังจะได้ยินสียงเดิมของนักแสดงและได้เห็นคำแปลพร้อมกัน
ซึ่งการแปลบทภาพยนตร์นั้นจะมีลักษณะเหมือนกันกับการแปลบทละคร คือ
ผู้แสดงมีจำนวนมาก มีบทสนทนาเยอะในบท
ดังนั้นงานแปลจะออกมาดีได้นั้นจะต้องอาศัยความเข้าใจเนื้อความของบทภาพยนตร์
หลักการแปลนิทานและนิยาย
ซึ่งนิทานและนิยายส่วนมากจะมาจากการเล่าเป็นเรื่องในเชิงบรรยายและพรรณนา
ไม่ใช้วิธีซับซ้อน จึงเรียนได้ว่า วรรณกรรมวรรณนา
โดยนิทานและนิยายจะมีเรื่องข้อคิดเพื่อสอนศีลธรรมจรรยาเสมอ
ซึ่งจะมีหลักการแปลดังนี้ อ่านครั้งแรกอ่านอย่างเร็วเพื่อทำความเข้าใจเนื้อเรื่องของนิทาน
แล้วตรวจสอบความเข้าใจเนื้อเรื่องด้วยคำถาม 5 ข้อ ได้แก่ ใคร
ทำอะไร ที่ไหน เมื่อใด ทำไม และอ่านครั้งต่อไปอย่างช้าๆและค้นหาความหมาย และคำแปล
ทำรายการคำ และวลี ที่ไม่ทราบความหมาย
เพื่อค้นหาความหมายในพจนานุกรมและแหล่งข้อมูลความรู้อื่นๆ
เพื่อช่วยในการค้นหาความหมายของคำและสามารถกล่าวได้ว่าควรเลือกใช้ระดับภาษาสำนวนภาษา
วิธีการเขียนให้เหมาะสมกับแต่ละเรื่องและบิริบทของนิทาน
หลักการแปลเรื่องเล่าซึ่งเรื่องเล่ามักจะประกอบด้วยตัวละครสำคัญจำนวนน้อยราว
1-2 ตัว ซึ่งมีความสัมพันธ์กันตามความจำเป็น
จะตัดตัวใดตัวหนึ่งออกไม่ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระชั้นแบบรวดเดียวจบ
เพื่อให้กระชับความ สำหรับหลักการแปลเรื่องเล่านั้นจะมีการดำเนินการแปลตามขั้นตอน
เช่นเดียวกับการแปลวรรณกรรมประเภทอื่นๆโดยมีหลักการแปลดังนี้อ่านครั้งแรกอ่านอย่างเร็วเพื่อทำความเข้าใจเนื้อเรื่องของเรื่องเล่าโดยแบ่งเป็น
4 ตอน โดยตอบคำถาม ดังนี้ ตอนที่หนึ่ง ใคร ตอนที่สอง ใคร
ทำอะไร ตอนที่สาม ใคร ทำอะไร ตอนที่สี่
ทำอะไร และจะต้องมีปมอารมณ์ขัน และอ่านครั้งต่อไปอย่างช้าๆและค้นหาความหมาย
และคำแปล ทำรายการคำ และวลี ที่ไม่ทราบความหมาย เพื่อค้นหาความหมายในพจนานุกรมและแหล่งข้อมูลความรู้อื่นๆ
เพื่อช่วยในการค้นหาความหมายของคำและสามารถกล่าวได้ว่าควรเลือกใช้ระดับภาษาสำนวนภาษา
วิธีการเขียนให้เหมาะสมกับแต่ละเรื่องและบิริบทของประเภทของเรื่องเล่า
หลักการแปลการ์ตูน
สำหรับวิธีการแปลการ์ตูนนั้นจะดำเนินการแปลตามขั้นตอนเช่นเดียวกับการแปลเรื่องเล่าคือเริ่มต้นด้วยการอ่านต้นฉบับให้เข้าใจโดยสังเกตรายละเอียดของภาพด้วย
ต่อมานั้นจะเป็นการลงมือเขียนบทแปลโดยใช้ถ้อยคำสั้นๆ
ที่สามารถนำมาบรรจุลงในกรอบคำพูดได้อย่างลงตัวพอดี โดยจะมีขั้นตอนการแปลดังต่อไปนี้
คืออ่านอย่างเร็วแล้วตอบคำถามของภาพ ดังนี้ ภาพที่หนึ่ง ใคร ทำอะไร ภาพที่สอง ใคร
ทำอะไร ภาพที่สาม ใคร ทำอะไร ภาพที่สี่ ใคร ทำอะไร เช่นเดียวกันทั้งกันสี่ภาพ
และจะต้องอ่านครั้งต่อไปอย่างช้าๆและค้นหาความหมาย และคำแปล ทำรายการคำ และวลี
ที่ไม่ทราบความหมาย เพื่อค้นหาความหมายในพจนานุกรมและแหล่งข้อมูลความรู้อื่นๆ
เพื่อช่วยในการค้นหาความหมายของคำและสามารถกล่าวได้ว่าควรเลือกใช้ระดับภาษาสำนวนภาษา
หลักการแปลกวีนิพนธ์สำหรับกวีนิพนธ์นั้นจะมีความหมายเพื่อเล่าเรื่อง
ให้ความรู้และสอนศีลธรรมพร้อมทั้งให้ความเพลิดเพลินอีกด้วย ซึ่งลักษณะของการแปลจะมี
สองลักษณะ ลักษณะแรกคือ การแปลเป็นร้อยกรอง จะต้องแปลเนื้อหา พยายามเล่นคำ
เล่นความหมายให้เหมือนกับต้นฉบับมากที่สุด ทุกบททุกตอน
พร้อมทั้งจะต้องยึดรูปแบบของฉันทลักษณ์ด้วย
หรือถ้าไม่สามารถยึดได้เพราะเกิดจากความแตกต่างของภาษา ก็จะต้องพยายามยึดฉันทลักษณ์ให้ใกล้เคียงมากที่สุด
และอีกลักษณะของการแปลนั้นคือการแปลเป็นร้อยแก้ว
เราจะแปลเป็นร้อยแก้วก็ต่อเมื่อมีจุดประสงค์เพื่อสื่อสารความคิดและวัฒนธรรมอื่นๆในบทกวีนิพนธ์
ซึ่งปัญหาของการแปลด้านนี้คือความเข้าใจและการเลือกใช้ถ้อยคำสำนวน
ดังนั้นผู้แปลจะต้องเข้าใจและมุ่งเน้นความรู้สึกของกวีนิพนธ์ได้อย่างถูกต้องพร้อมทั้งใช้ถ้อยคำให้เหมาะสมกับระดับของภาษาและสั้นกะทัดรัดให้ตรงตามรูปแบบของฉันทลักษณ์
สุดท้ายนี้สามารถสรุปได้ว่า
งานแปลวรรณกรรมนั้นมีถึง 9 ประเภทด้วยกันได้แก่
หลักการแปลนวนิยาย หลักการแปลบทบรรยาย หลักการแปลวรรณกรรม หลักการแปลบทละคร
หลักการแปลเรื่องเล่า หลักการแปลบทภาพยนตร์ หลักการแปลการ์ตูน หลักการแปลกวีนิพนธ์
หลักการแปลนิทาน หรืออาจจะมีมากกว่านี้อีก
ซึ่งทุกหลักการแปลทุกประเภทจะมีลักษณะคล้ายกันคือ จะต้องอ่านหลายๆครั้งโดยอ่านให้รู้ว่า
ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำไม และค้นหาความหมายจากหลายแหล่งข้อมูล
พร้อมทั้งเลือกใช้ภาษาให้ถูกต้องตามจุดประสงค์ของงานแต่ละงานเขียน
และคำนึงถึงข้องบังคับเฉพาะของแต่ละประเภทของงานแปลอีกด้วย
เพื่อให้ได้งานแปลที่มีคุณภาพ
ผู้อ่านอ่านแล้วสามารถได้รับประโยชน์ทางด้านเนื้อหาสาระและเกิดความเพลิดเพลินอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น