โครงสร้างพื้นฐานของประโยค (29/02/2559)
กระบวนการแปลนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการแปลงานที่ดี
แต่ยังมีอีกประเด็นที่สำคัญไม่แตกต่างกันเลยนั่นคือ โครงสร้างพื้นฐานของประโยค
ซึ่งประโยคภาษาอังกฤษไม่ว่าจะสั้นหรือว่ายาวหรือมีความซับซ้อนอย่างไร
สามารถกระจายออกเป็นรูปโครงสร้างพื้นฐานได้ทั้งนั้นเพื่อที่จะทำให้ประโยคเหล่านั้นถูกต้องตามหลักของ
pragmatic อ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย มีความหมายที่ชัดเจน
มีใจความสมบูรณ์ มีภาษาที่สละสลวย ไม่ซับซ้อน
ดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานของประโยคจึงมีความสำคัญต่อกระบวนการแปล
ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานของประโยคนั้นสามารถแบ่งรูปแบบได้ถึง 25
รูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีลักษณะของประโยคแตกต่างกันเช่นกัน
สำหรับการแปลประโยคที่ซับซ้อนหรือที่เรียกกันว่าประโยคโครงสร้างลึกนั้น
ถ้าแยกข้อความออกเป็นหน่วยประโยคที่สั้นและเล็กที่สุดตามลักษณะของประโยคโครงสร้างพื้นฐานแต่ละแบบแล้วนั้นจะช่วยให้เราวิเคราะห์ความหมายได้ชัดเจนดียิ่งขึ้น
ดังนั้น ฮอร์นบีและคณะได้แยกประโยคพื้นฐานไว้ใน The
Advanced Learner’s Dictionary of Current English ไว้ 25 แบบ โดยจะยึดหลักตามหน้าที่และความนิยมใช้ในการใช้คำกริยาเป็นหลัก
เรียกว่า กระสวนหรือแบบของคำกริยา (verb pattern) ส่วนไนดาและเทเบอร์
ได้แยกประโยคพื้นฐานของภาษาอังกฤษไว้ 7 แบบ ซี่งเรียกว่า
ประโยคแก่น (Kernel sentence) และ สเตจเบอร์ก (
Stageberg) แยกประโยคพื้นฐานที่เรียกว่า ประโยคเปลือย (Bare
sentence) ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นการยกตัวอย่างของโครงสร้างประโยคพื้นฐานของฮอร์นบีและไนดา
ดังรูปภาพดังต่อไปนี้
ดังนั้นสามารถสรุป โครงสร้างพื้นฐานของประโยค
ได้ว่าสำหรับประโยคภาษาอังกฤษไม่ว่าจะสั้นหรือว่ายาวหรือมีความซับซ้อนอย่างไร
สามารถกระจายออกเป็นรูปโครงสร้างพื้นฐานนั้นสามารถแบ่งรูปแบบได้ถึง 25 รูปแบบ
ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีลักษณะของประโยคแตกต่างกันเช่นกัน
ทั้งนั้นเพื่อที่จะทำให้ประโยคเหล่านั้นถูกต้องตามหลักของ
pragmatic อ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย มีความหมายที่ชัดเจน
มีใจความสมบูรณ์ มีภาษาที่สละสลวย ไม่ซับซ้อน
ดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานของประโยคจึงมีความสำคัญต่อกระบวนการแปลเป็นการแปลที่มีขั้นตอนอย่างชัดเจนในเรื่องของลำดับคำและหน้าที่ในประโยคเพื่อให้ได้งานแปลที่มีคุณภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น