Learning Log 4
(25/08/58)
สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกชั้นเรียน
สำหรับสิ่งที่เรียนรู้นอกชั้นเรียนนั่นจะเป็นการศึกษาค้นหาความรู้และเพิ่มความสามารถทักษะด้านการเขียน (writing) เนื่องจากงานแปลนวนิยายนั้นทำให้ดิฉันพบข้อบกพร่องของตนเองในการเรียนแปลนวนิยายของดิฉัน ฉันรู้คำศัพท์และสามารถเรียงประโยคให้สวยมีความไพเราะและเขียนแปลความนวนิยายให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายได้ ดังนั้นทำให้ดิฉันคิดว่าควรทำอย่างไรเพื่อให้ผู้อ่านสามารถอ่านการแปลนวนิยายได้อย่างเข้าใจ จึงทำให้ดิฉันอยากที่จะแปลนวนิยายออกมาให้ดี ดิฉันจึงคิดว่าควรทำอย่างไรเพื่อให้ผู้อ่านสามารถอ่านการแปลนวนิยายได้อย่างเข้าใจจึงทำให้ดิฉันแปลนวนิยายออกมาให้ดี ดิฉันจึงคิดว่ามีความจำเป็นต้องศึกษาการแปลภาษาอังกฤษเป็นเป็นภาษาไทย การแปลภาษาอังกฤษให้ถูกต้องและสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมากในการแปลภาษา คือ เทคนิคการเดินประโยคสำหรับการแปล (การแปลงอย่างเป็นระบบ) จะเริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์ประโยคว่าแต่ละประโยคมีส่วนประกอบ ประธาน ส่วนประธาน เพื่อทำให้การแปลเกิดความไพราะเพราะพริ้งและการแปลให้ไพเราะนั้นจะต้องอาศัยประสบการณ์การแปลบ่อยๆ ด้วย และจะทำให้เรามั่นใจได้ว่าหากเรามีความรู้วิธีเดินประโยคแล้วเราสามารถแปลเอกสารภาษาอังกฤษได้ ดังนั้นสรุป ได้ว่าการแปลอย่างเป็นระบบจะต้องอาศัยเทคนิคการแปลหลายๆอย่างเพื่อทำให้ได้งานแปลที่ดีที่มีคุณภาพ
เทคนิคการแปลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้เริ่มเรียนการเปลี่ยนแปลจะต้องอาศัยขั้นตอนการแปลในส่วนแรกคือ
การหาส่วนประธานและแปลส่วนประกอบ
เราจะแปลหรือเขียนแปลได้ดีจะต้องมีความรู้เรื่องโครงสร้างไวยากรณ์เป็นอย่างดี
ไวยากรณ์จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์และแยกแยะประโยคได้ เมื่อสามารถแยกแยะและวิเคราะห์ประโยคได้ก็จะสามารถร็ได้ว่าประโยคไหนควรแปลก่อน
แปลหลัง และแต่ละส่วนจะมีความสัมพันธ์กัน จะทำให้แปลสละสลวย
และส่วนประธานอาจเป็นคำศัพท์คำเดียวหรือหลายคำก็เป็นได้ ถ้าส่วนประธานเป็นคำศัพท์คำเดียวหรือหลายคำก็เป็นได้
ถ้าส่วนประธานเป็นคำศัพท์คำเดียวก็หมายความว่าคำศัพท์ คำนั้นเป็นทั้งส่วนประธาน
และตัวประธานในตัวเดียวกัน ในกรณีนี้ให้แปลประธานได้ทันที
แต่ถ้าส่วนประธานประกอบด้วยคำศัพท์หลายคำศัพท์ผู้เรียนต้องกำหนด 1) ตัวประธานและ
2)ส่วนขยายประธานเพื่อหาตัวประธานได้แล้ว ค่อยลงมือแปลตามลำดับของคำ โดยสรุปว่าควรเริ่มแปลจากตัวประธานและส่วนขยาย
แต่บางครั้งการแปลแบบนี้อาจจะทำให้งานแปลออกมาแบบทื่อๆ ตรงไปตรงมา
ซึ่งมีผลให้การแปลไม่น่าอ่าน
เทคนิคการหาตัวประธานนั้นถึงแม้ว่าส่วนประธานจะมีหลายตัวหลายคำศัพท์แต่ตัวประธานซึ่งอยู่ในส่วนประธานต้องมีเพียงคำเดียวในส่วน
ส่วนประธาน การวิเคราะห์ตัวประธาน เราต้องบอกได้ด้วยว่าประธาน
1.)เป็นคนหรือว่าสิ่งของ 2.)
เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ที่สำคัญคือตัวประธานมักจะถูกแปลเป็นอันดับแรก
ตัวประธานสามารถวางไว้ได้หลายตำแหน่งดังต่อไปนี้
1.ส่วนประธานและตัวประธานเป็นคำถามหรือคำสรรพนามเพียงคำเดียว
หมายความว่าส่วนประกอบและตัวประธานเป็นคำๆเดียวกัน
หมายความว่าส่วนประกอบและตัวประธานเป็นคำๆเดียวกันการแปลประธานตัวเดียวถือว่าง่ายเพราะไม่มีตัวขยายมาเกี่ยวข้อง
2.ส่วนประธานที่มีมากกว่าหนึ่งคำและตัวประธานวางอยู่ท้ายสุดของส่วนประธาน
3.ใช้วลีเป็นประธานและประธานอยู่หน้าคำคุณศัพท์
4.ใช้วลีเป็นประธานและตัวประธานอยู่หน้า Veb3
และ
Verbing ซึ่งจะเป็นการลดรูปมาจาก adjective clase 5. ตัวประธานและส่วนประธานมีวลีนำหน้า 6.ใช้ประโยคNoun
clase เป็นประธาน ซึ่งหากเรารู้ถึงการวางของตำแหน่งประโยคได้ถูกต้องแล้วเราก็จะสามารถนำความรู้ส่วนนี้มาใช้กับการแปลได้อย่างดี
เทคนิคต่อไปนี้คือการกำหนดส่วนกิริยา หมายความว่า
เมื่อแปลส่วนประธานหรือส่วนวลีที่อยู่หน้าส่วนประธานเสร็จแล้ว
จากนั้นก็ขยับไปแปลส่วนกริยา ก่อนจะแปลส่วนกริยาเราจะต้องกำหนดส่วนกริยาก่อนว่ามีกี่ตัว
เป็นกริยาเอกพจน์หรือพหูพจน์เป็นกริยาที่ประธานทำเอง (Active voice )
หรือกริยาที่ประธานถูกกระทำ (passive voice)
และการกำหนดส่วนกริยาจะต้องอาศัยตัวประธานเป็นตัวกำหนดและเทคนิคต่อไปคือ
การกำหนดแปลส่วนที่อยู่หลังส่วนกริยา
ซึ่งการแปลส่วนที่อยู่หลังกริยาก็จะมีวิธีแปลและวิธีกำหนดคล้ายๆกับส่วนประธานคือจะเป็นเรื่องคำนามและคำขยายเช่นกัน
แม้จะมีประโยคแทรกบ้างก็ตาม
ส่วนที่อยู่หลังกริยาจะเน้นไปยังเรื่องของลักษณะคำเป็นหลักและเทคนิคที่สำคัญต่อไปคือ
การกำหนดประโยคแทรกและการเปลี่ยนประโยคแทรกประโยคแทรกที่ทำหน้าที่ขยายความซึ่งแทรกอยู่ในประโยคหลัก
เทคนิคการแปลจึงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากในการแปลเนื่องจากการแปลที่ปราศจากวิธีการเดินประโยคที่ดีนั้นจะทำให้งานแปลที่แปลออกมานั้นไม่มีคุณภาพไม่มีคำไพเราะ
ไม่สามารถที่จะอ่านแล้วเกิดความเข้าใจเนื้อหาหรือเนื้อเรื่องได้ถึงแม้ว่าการแปลนั้นจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือแปลตรงตามเนื้อหาทุกประเด็นก็ตาม
ดังนั้นเทคนิคการแปลเกี่ยวกับวิธีการเดินประโยคโดยวิธีการแปลมีการเดินประโยคนั้นสรุปได้
6ขั้นตอนดังนี้คือ
1.การกำหนดหาส่วนประธานเพื่อหาประธานของประโยค
2.การรู้หน้าที่ของประธานในประโยคว่าเป็นคนสัตว์สิ่งของ 3.การหาส่วนกริยาซึ่งการหาส่วนนี้จะเป็นการหาเพื่อดูว่าประโยคนี้มีกริยากี่ตัวกริยาตัวใดเป็นเอกพจน์
พหูพจน์และทำหน้าที่ขยายอะไร
4.การแปลส่วนที่อยู่หลังกริยาเพื่อดูว่าคำอะไรเป็นตัวขยาย 5.การกำหนดประโยคแทรกซึ่งลักษณะนี้จะอยู่ในรูปของประโยคซ้อน
ดังนั้นขั้นตอนทั้งหมดเกี่ยวกับวิธีการเดินของประโยคจะช่วยให้ดิฉันสามารถแปลนวนิยายได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม
และสามารถช่วยให้งานแปลที่ออกมามีคุณภาพ
สามารถอ่านแล้วเกิดความเข้าใจได้ง่ายและอ่านแล้วมีความไพเราะสนุกสนานกับงานแปลชิ้นนั้น
ที่มา : นเรศ สุขสิทธิ์ . (2549) . เรียนแปลภาษาอังกฤษ.สำนักพิมพ์ดวงกมลสมัย :
กรุงเทพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น