หลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียง (1/02/59)
การถ่ายทอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมัน
(อักษรภาษาอังกฤษ) ในการแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษนั้นจำเป็นต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียง
เนื่องจากงานแปลแต่ละชิ้นงานนั้นจะต้องใช้หลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียงแบบเดียวกันทั้งหมดเพราะว่างานแปลชิ้นนั้นจะได้มีความเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นการถ่ายทอดตัวอักษรส่วนมากนั้นจะใช้ในการแปลชื่อ
หรือ ชื่อเฉพาะของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ดังนั้นหากมีการถ่ายทอดตัวอักษรผิดสักคำหนึ่งความหมายของคำนั้นหรือการแปลชิ้นนั้นมีความหมายผิดเพี้ยนได้
รวมทั้งจะทำให้ผู้อ่านงานแปลชิ้นนั้นจะเข้าใจจุดประสงค์และเนื้อหาของงานแปลชิ้นนั้นก่อให้เกิดความสนุกสนาน
ความเพลิดเพลิน รวมทั้งได้รับประโยชน์จากงานแปลชิ้นนั้นอีกด้วย
หลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียงเป็นการถ่ายทอดโดยวิธีถ่ายเสียง
(Transcription)
เพื่อให้อ่านคำภาษาไทยที่เขียนด้วยอักษรโรมันให้ได้เสีย งใกล้เคียง
โดยไม่คำนึงถึงการสะกดการันต์และวรรณยุกต์ เช่น จันทร์ = chan, พระ = phra, แก้ว = kaeo นอกจากจะคำนึงถึงการถ่ายทอดโดยวิธีถ่ายเสียงแล้วยังต้องคำนึงถึงความหมายของคำ
การใช้เครื่องหมาย “-” เพื่อแยกพยางค์ การแยกคำ
การใช้ตัวอักษรดรมันตัวใหญ่ การถอดเครื่องหมายต่างๆ การถอดคำย่อ
และสุดท้ายคือการถอดตัวเลข
ซึ่งแต่ละลักษณะการถ่ายทอดตัวอักษรแต่ละแบบจะไม่เหมือนกัน
สำหรับความหมายของคำจะกล่าวถึงไปยังหน่วยคำ
คำ คำประสม คำสามานยนาม คำวิสามานยนาม คำนำหน้านาม คำทับศัพท์
ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องคำนึงถึงความหมายของคำ ต่อมาจะเป็นการใช้เครื่องหมาย “-” เพื่อแยกพยางค์ คือ ในกรณีที่มีคำวึ่งมีหลายพยางค์
อักษรตัวสุดท้ายของพยางค์หน้ากับอักษรตัวแรกของพยางค์ตามมา อาจจะทำให้อ่านยาก
หรืออ่านผิดได้ ให้ใช่เครื่องหมาย “-” เป็นตัวแยก
โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้ ข้อแรกคือ เมื่ออักษรตัวสุดท้ายขิงพยางค์หน้าเป็นสระ
และอักษรตัวแรกของพยางค์ที่ตามมาขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ng (ง) เช่น สง่า = Sa-nga ข้อที่สองคือเมื่ออักษรตัวสุดท้ายของพยางค์หน้าเป็น ng (ง)
และอักษรตัวแรกของพยางค์ที่ตามมาขึ้นต้นด้วยสระ เช่น บังอร =Bang-on ข้อสุดท้ายกล่าวคือ เมื่ออักษรตัวแรกของพยางค์ที่ตามมาขึ้นต้นด้วยสระ เช่น
สะอาด =sa-at
ต่อมาจะเป็นการกล่าวถึงการแยกคำซึ่งสามารถแยกได้ในกรณีชื่อเรียกเฉพาะ
ยกเว้นคำประสมซึ่งถือว่าเป็นคำเดียวกัน
และวิสามานยนามที่เป็นชื่อบุคคลให้เขียนติดกัน การใช้ตัวอักษรโรมันตัวใหญ่จะใช้ในกรณีดังต่อไปนี้
ตัวอักษรแรกของชื่อและคำนำหน้านามที่อยู่หน้าคำวิสามานยนาม
รวมทั้งในกรณีขึ้นต้นย่อหน้าอีกด้วย
ต่อมาคือการถอดชื่อภูมิสาสตร์ให้ถอดตามเกณฑ์การถ่ายอักษรแบบเสียงโดยทับศัพท์เลย
เช่นเดียวกับคำทับศัพท์
สำหรับการถอดเครื่องหมายต่างๆ ให้ถอดตามหลักการอ่านภาษาไทยได้เลย หากเป็น
ไปยาลน้อย และไปยาลใหญ่ ให้ใช้ชื่อเต็มในการถอดแบบอักษร ต่อมาคือการถอดคำย่อให้ถอดตามหลักการอ่านแบบเต็มตามการอ่าน
สำหรับคำย่อที่ยาวสามารถถอดแบบย่อและแบบเต็มได้ขึ้นอยู่กับผู้แปล
แลการถอดตัวเลขก็จะถอดตามเสียงที่อ่านเช่นกัน
ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าหลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียงมีความจำเป็นอย่างมากต่องานแปลที่ดีนั้นจะถือว่าเป็นการแปลที่มีความหมายใกล้เคียงกับงานต้นฉบับมากที่สุดเท่าที่จะแปลงานชิ้นนั้นได้ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้แปลด้วย
ซึ่งในการแปลจะมีการเทียบตัวอักษรระหว่างภาษาต้นฉบับไปยังภาษาฉบับงานแปลหรือที่เรียกว่าการแทนชื่อซึ่งการแทนชื่อในภาษานั้นจะเป็นการถ่ายทอดตัวอักษร
การถ่ายทอดตัวอักษรส่วนมากนั้นจะใช้ในการแปลชื่อ หรือ ชื่อเฉพาะของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ดังนั้นหากมีการถ่ายทอดตัวอักษรผิดสักคำหนึ่งความหมายของคำนั้นหรือการแปลชิ้นนั้นมีความหมายผิดเพี้ยนได้
รวมทั้งจะทำให้ผู้อ่านงานแปลชิ้นนั้นจะไม่เข้าใจจุดประสงค์และเนื้อหาของงานแปลชิ้นนั้นก่อให้เกิดความสับสนต่อผู้อ่านได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น